ร่วมกันสร้างสรรค์พัฒนาท้องถิ่น เพื่อคนไทยทุกคน

ขอเชิญร่วมตอบคำถามครับ

เรื่องค่าเช่าบ้านครับใครมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง

สวัสดีครับเพื่อนข้าราชการส่วนท้องถิ่นทุกท่าน...มีเรื่องค่าเชาบ้านข้าราชการส่วนท้องถิ่นมาพูดคุยกับเพื่อน ๆ โดยตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นไม่ดำเนินการแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วย ค่าเช่าบ้านข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๘ เพราะข้าราชการพลเรือนได้มีการแก้ไขพระราชกฤษฏีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ ไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๐ ที่ผ่านมา บัดนี้ กระทรวงมหาดไทยได้นำระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วย ค่าเช่าบ้านข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑ มีผลใช้บังคับวันนี้ (๒๒ พ.ค.๕๑) โดยมีการแก้ไขสาระสำคัญเกี่ยวกับกำหนดให้ข้าราชการส่วนท้องถิ่นที่ได้รับคำสั่งให้ไปประจำสำนักงานต่างท้องที่ ในท้องที่ที่เคยรับราชการครั้งแรก หรือได้รับคำสั่งให้กลับเข้ารับราชการใหม่ สามารถเบิกค่าเช่าบ้านได้ เช่นเดียวกับข้าราชกรพลเรือนที่ได้สิทธินี้ไปแล้ว ก็ขอแสดงความยินดีกับข้าราชการส่วนท้องถิ่นทุกท่านด้วยครับ
ค่าเช่าบ้านของข้าราชการถือเป็นสวัสดิการสำคัญของข้าราชการครับ เพราะคนส่วนใหญ่ที่ยึดอาชีพข้าราชการค่อนข้างมีฐานะปานกลางถึงยากจน แม้ได้รับชื่อว่า ปัญญาชน แต่ส่วนใหญ่มีหนี้สินทั้งก่อนและหลังเข้ารับราชการ ยิ่งเป็นข้าราชการรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่มีหนี้สินติดตัวมาทั้งสิ้น ทำไมพูดเช่นนั้นครับ ก็เพราะข้าราชการรุ่นใหม่หากเพิ่งจบการศึกษามาใหม่ ๆ ก็จะอยู่ในโครงการที่ได้รับเงิน***้ยืมเรียน และร้อยทั้งร้อยก็มักจะ***้กัน เพราะปัจจุบันคนไทยมีค่านิยมใหม่กันถ้วนหน้า "ไม่มีหนี้ ไม่มีหน้า" "ไม่มีหนี้ ไม่มีโอกาส" "ไม่มีหนี้ ไม่มีกิน" ลบล้างคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเสียสิ้นที่พระองค์ตรัสไว้ว่า "การเป็นหนี้ เป็นทุกข์ในโลก" ก็เมื่อค่านิยมเปลี่ยนไป คำสั่งสอนขอปู่ย่าตายายก็เลยลบเลือนหายไปจากความทรงจำของคนรุ่นใหม่ไปเรียบร้อย ทุกวันนี้ ข้าราชการร้อยละ ๙๙ ก็เลยเป็นหนี้กันถ้วนหน้าครับ หนี้จากการ***้ยืมเรียน หนี้จากการผ่อนสินค้า หนี้จากการผ่อนชำระค่าเช่าซื้อบ้านหรือที่ดิน ฯลฯ เมื่อทุกคนเป็นหนี้กันหมด จิตใจที่จะมุ่งมั่นทำงานก็อาจลดทอนลง การทุ่มเทเพื่องานส่วนรวมก็อาจลดน้อยลง เพราะต้องนำเวลาส่วนหนึ่งไปแสวงหารายได้เพิ่มเติมไม่ว่า การไปเป็นอาจารย์พิเศษในวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยต่าง ๆ การไปขายสินค้าไม่ว่ายี่ห้อดัง ๆ เช่น แอมเวย์ มิสทีน เอวอน ฯลฯ หรือตัวแทนประกันชีวิต ไม่ว่าจะเป็น AIA เมืองไทยประกันชีวิต ฯลฯ หรือไปทำมาหากินอื่น ๆ เช่น การขายอาหารช่วงเย็น หรือเสาร์-อาทิตย์ และหลากหลายอาชีพเสริมครับ และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตข้าราชการยุคใหม่จริง ๆ ครับ ยุคที่ต้องดิ้นรน ยุคที่ข้าวยากน้ำมันแพง (หลายท่านบ่นตลอดว่า เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ ข้าวจะแพงขนาดนี้) จึงไม่ต้องแปลกใจครับว่า ทำไมแวดวงราชการเมืองไทยจึงเดินต้วมเตี้ยม ๆ แบบนี้ ก้าวได้เชื่องช้าเหมือนฉายาอดีตนายกฯท่านหนึ่งเสียจริง ๆ หลาย ๆ ท่านก็คงเบื่อหน่ายกับระบบราชการแบบนี้ อยากจะลาออกไปหางานใหม่ทำ แต่เมื่อนั่งคิดพินิจพิจารณาแล้ว ก็คิดว่า เมืองไทยยังไงอาชีพรับราชการในปัจจุบันก็ยังมั่นคงกว่าอาชีพอื่น ๆ เพราะไม่รู้ว่า ฟองสบู่รอบสองจะแตกอีกเมื่อไหร่ หากพลีผลามลาออกไป ไม่มองซ้ายมองขวา ไม่เหลียวหน้าแลหลัง อาจต้องจบชีวิตลงอย่างอนาจก็เป็นได้ จึงทำให้ข้าราชการที่มีแนวคิดนี้ ต้องหยุดแนวคิดไปชั่วคราว.
ที่ผมพูดเรื่องนี้ มิใช่พูดนอกเรื่องครับ ยังอยู่ที่ค่าเช่าบ้านครับ ที่สาธยายมายึดยาวก็อยากจะบอกว่า รัฐบาลพยายามช่วยเหลือข้าราชการชั้นผู้น้อย โดยเฉพาะข้าราชการระดับ ๕ ลงมา ล่าสุดก็คือ การเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวอีก ๖ เปอร์เซ็นต์ นั้น เป็นสิ่งที่ดีส่วนหนึ่งครับ ที่ข้าราชการประมาณ ๓ แสนคนได้รับอานิสงค์นี้ เมื่อรวมกับครอบครัวก็ประมาณ ๙ แสนคนที่ได้รับผลประโยชน์ แต่จริง ๆ แล้ว การเพิ่มค่าครองชีพก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เพราะราคาน้ำมัน ราคาสินค้า ได้พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วงและดูท่าทีไม่น่าจะลดลงอีกครับ น้ำมันเบนซินตอนนี้แตะสี่สิบบาท (บางพื้นที่เลยสี่สิบบาทไปแล้ว) ดีเซลก็กำลังไล่มาติด ๆ น่าจะแตะสี่สิบบาทต่อลิตรในไม่ช้านี้ เมื่อเทียบกับเงินเฟ้อแล้ว เงินที่เพิ่มไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ แต่ที่อยากให้รัฐบาลหรือผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ ได้นำไปคิดพินิจพิจารณาก็คือ ค่าเช่าบ้านของข้าราชการ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการพลเรือน หรือข้าราชการส่วนท้องถิ่นครับ รัฐบาลน่าจะทบทวนเรื่องค่าเช่าบ้านของข้าราชการได้แล้ว จากเดิม ที่รัฐมีหลักคิดในเรื่องค่าเช่าบ้านของข้าราชการว่า การเบิกค่าเช่าบ้านของข้าราชการได้นั้น ก็เพื่อช่วยเหลือข้าราชการที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของรัฐ ที่สั่งให้ไปประจำที่โน้นที่นี่ ซึ่งเป็นท้องที่ที่ต่างจากท้องที่ที่รับราชการครั้งแรก ควรเป็นแนวคิดใหม่ว่า ข้าราชการทุกคนมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน นับแต่วันที่ได้รับบรรจุครั้งแรก เพราะคนที่ได้รับการบรรจุครั้งแรก หนึ่งเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย สองเงินเดือน/ค่าตอบแทนก็น้อย สามข้าราชการที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งครั้งแรกร้อยละ ๙๙ ไม่ได้บรรจุแต่งตั้งในภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ของตนเองหรือไม่ได้อยู่บ้านเดิมของตน ดังนั้น แนวคิดที่ว่าท้องที่ที่รับราชการครั้งแรกที่บรรจุครั้งแรกนั้น เป็นท้องที่ภูมิลำเนาของตนนั้น ไม่ใช่เรื่องจริง และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็ทราบนี้มาโดยตลอด ดังนั้น หากจะช่วยข้าราชการชั้นผู้น้อยจริง ก็ควรให้ข้าราชการที่ได้รับการบรรจุใหม่สามารถเบิกค่าเช่าบ้านได้ด้วย
อีกประการหนึ่ง ข้าราชการไทยส่วนใหญ่อย่างที่กล่าวแล้วว่า มีฐานะปานกลางถึงยากจน ข้าราชการส่วนหนึ่งเมื่อเกษียณแล้วก็ยังไม่สามารถมีบ้านเป็นของตนเองได้ ในอดีตรัฐจัดสร้างบ้านพักสวัสดิการให้ข้าราชการอยู่อาศัย เมื่อระเบียบบอกว่า หากรัฐจัดที่พักสวัสดิการแล้วจะไม่สามารถเช่าบ้าน หรือเช่าซื้อบ้านได้ เรื่องนี้ เคยอ่านเจอแนวคิดของกรมบัญชีกลางที่อยู่ระหว่างการศึกษาว่า กรณีรัฐสร้างบ้านพักสวัสดิการกับให้ข้าราชการเช่าซื้อบ้านอย่างไหนจะคุ้มค่ากว่ากัน ผมว่าไม่ต้องไปศึกษาแล้วครับ ไม่ต้องเสียเวลาเสียเงินทองไปศึกษาว่า อันไหนคุ้มค่า หากท่านต้องการให้ข้าราชการมีสวัสดิการที่ดี มีขวัญ-กำลังใจทำงาน ไม่ต่างจากบริษัทเอกชนรายใหญ่ ๆ เช่น ปูนซีเมนต์ไทย ซีพี ฯลฯ ในระดับที่พอดูได้ ท่านควรคิดใหม่ว่า ทำอย่างไรให้ข้าราชการสมองไม่ไหล มีขวัญกำลังใจทำงาน เมื่อเกษียณแล้วมีบ้านอยู่ในยามแก่ชราตามอัตภาพและไม่ถูกทอดทิ้ง ท่านก็ควรกำหนดไปเลยว่า ข้าราชการผู้ได้รับบรรจุแต่งตั้งทุกคนมีสิทธิเช่าซื้อบ้านของตนเองได้หนึ่งหลัง คือให้ข้าราชการทุกคนมีบ้านของตนเองได้อย่างน้อยหนึ่งหลัง ตามฐานานุรูปและเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ของแต่ละท่านแต่ละตำแหน่ง เช่นนี้จะทำให้ข้าราชการมีขวัญกำลังใจมากขึ้น และข้าราชการชั้นผู้น้อยก็จะมีเงินที่เพียงต่อการดำรงชีพอย่างเพียงพอตามอัตภาพ ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง และไม่ต้องไปกำหนดว่า การเช่าซื้อบ้านต้องไปเช่าซื้อได้เฉพาะที่ที่รับราชการอยู่ หากข้าราชการต้องการเช่าซื้อที่บ้านเกิดหรือภูมิลำเนาของตนก็ควรให้เขาได้เช่าซื้อที่บ้านของตน เพื่อให้ข้าราชการเมื่อเกษียณอายุแล้ว สามารถกลับไปอยู่กับลูกหลานที่บ้านเกิดได้ครับ ไม่จำเป็นเลยกับแนวคิดเก่า ๆ ที่ข้าราชการต้องเช่าซื้อบ้านอยู่ในที่ที่ตนปฏิบัติหน้าที่อยู่ แนวคิดนี้ล้าหลังแล้วครับ ปัจจุบันเราต้องยอมรับกันว่า มีข้าราชการหลายร้อยคนที่กระทำผิดระเบียบโดยสุจริตใจ ก็คือ เช่าบ้านแต่ไม่ได้อยู่ แต่นำเงินค่าเช่าบ้านนั้นไปเป็นค่าเช่าซื้อบ้าน ซึ่งต้องเห็นใจข้าราชการด้วยกันเองครับ ที่ต้องกระทำเช่นนั้น แม้ว่าจะหมิ่นเหม่ต่อการถูกไล่ออกจากราชการและอาจต้องถูกเรียกเงินคืนในภายหลังก็ตาม ดังนั้น ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มีบ้านใหญ่โตหรุหรา (มิได้คดโกงแต่ครอบครัวมีฐานะดีอยู่แล้ว -ส่วนใหญ่จบจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์) ได้หันกลับมามองข้าราชการเล็ก ๆ ที่อยู่ตามชนบทซึ่งเป็นแขนขาให้พวกท่านได้ผลงานไปรับตำแหน่งใหญ่ ๆ โต ๆ เจริญก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ โปรดอย่าทิ้งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเล็ก ๆ ต้องอดมื้อกินมื้อเลยครับท่าน

โดยคุณ บันทึก ฯ (210.246.178.51) [22 May 2008 12:04]




เฮ้อ!นี่แหละชีวิต

โดยคุณ 123 (118.175.148.150) [22 May 2008 18:33] #40281 (1/10)

เขียนบทความได้ดีมากครับ

โดยคุณ 321 (202.149.24.129) [22 May 2008 21:27] #40284 (2/10)

ชีวิตหนอ

โดยคุณ บด (118.175.148.162) [23 May 2008 09:08] #40287 (3/10)

ชีวิตเป็นเรื่องธรรมชาติ

โดยคุณ บด (118.175.148.162) [23 May 2008 09:09] #40288 (4/10)

ปลงเถอะ ผู้น้อยต้องอดทน

โดยคุณ *** (118.175.195.223) [23 May 2008 09:49] #40290 (5/10)

เห็นด้วยค่ะ เขียนได้ดีมาก ๆ อย่างนี้ต้องบอกต่อ

โดยคุณ มี๋ (203.113.20.168) [23 May 2008 11:22] #40292 (6/10)

ท่าน น่าจะเป็น สส.นะ ความคิดดีจิงๆ

โดยคุณ แอน Mail to แอน (117.47.1.46) [10 Jun 2008 12:29] #40494 (7/10)

เห็นด้วยอย่างยิ่งเลย บรรจุใหม่แต่ไม่ได้อยู่ภูมิลำเนาแต่ต้องมาแบกรับภาระค่าเช่าบ้ายอีก เงินเดือนก็น้อย ค่าใช้จ่ายก็เยอะ บ้านก็ต้องเช่า ข้าวก็ต้องซื้อทุกอย่าง ไม่มีใครเขาให้มากินฟรีหรอก บางคนเบิกค่าเช่าบ้านแต่ไม่ได้เช่าจริงก็มีเยอะ ควรตรวจสอบดูบ้าง ข้าราชการชั้นผู้น้อยลำบากมาก เห็นใจกันบ้านเถอะ จะได้มีกำลังใจทำงาน

โดยคุณ คนเบื่อจ่ายค่าเช่าบ้าน (117.47.173.30) [28 Jul 2008 12:07] #40931 (8/10)

เห็นด้วยอย่างยิ่ง ชั่วชีวิตข้าราชการคนหนึ่งได้ใช้สิทธินี้1ครั้ง รัฐไม่มีคำว่าขาดทุนหรอก เพราะช่วยจ่ายแค่ตามกำลังอัตราเงินเดือนของข้าราชการ อย่างน้อยๆก็ได้มีบ้านของตนเองอยู่ เชื่อว่าคนคงอยากเป็นข้าราชการมากขึ้น ไม่สมองไหลไปที่อื่นกันหมด

โดยคุณ ครูคน1 (202.149.25.239) [29 Apr 2009 06:49] #43834 (9/10)

อยากได้รับค่าเช่าบ้านเหมือนคนอื่นๆ เขา เพราะบางคนอยู่บ้านพ่อตา อยู่บ้านตนเองแล้ว ยังได้รับค่าเช่าบ้านได้เลย มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย... นี่แหละแระเทศไทย

โดยคุณ กก (113.53.3.135) [27 Jun 2009 12:10] #44273 (10/10)

ขอเชิญร่วมตอบคำถามครับ
ความคิดเห็น
โดย
Email (สมาชิกไม่ต้องใส่)
รหัสลับ   (นำไปป้อนช่อง ป้อนรหัส ด้านล่าง)
ป้อนรหัส


คลิกที่รูป เพื่อแทรกรูปลงในข้อความ
Password
(สำหรับสมาชิก)
เลือกรูป

[ สมัครสมาชิก | ปิดหน้าต่างนี้ ]
CopyLEFT and Powered By : Sansak