"ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น...ส่อเป็นหมันอีกครั้ง??? "
เมื่อวันจันทร์ที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ตั้งใจไปติดตามงานของสมาคมฯ ที่ได้ยื่นคำร้องต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ไปเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ที่ทำเนียบรัฐบาล หนึ่งในนั้นคือ ติดตามว่าร่าง พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ..... ฉบับที่กฤษฎีกาเห็นชอบนั้น อยู่ที่ไหนแล้ว ผลก็ปรากฎดังที่ได้นำเรียนให้พวกเราทราบไปแล้ว เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ว่า คำตอบคือ "ไม่มีคำตอบ" ไม่มีใครรู้เรื่องเหล่านี้ นั่นหมายความว่าอย่างไร ก็หมายความว่า เรื่องของข้าราชการส่วนท้องถิ่นนั้น ไม่ได้เป็นที่สนใจของคนในรัฐบาลชุดนี้แต่อย่างใด จึงไม่มีใครรับรู้หรืออยากจะรู้หรืออยากจะช่วยติดตามให้ แต่ก็ได้คำตอบจากการเข้าพบ ผอ.ศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผอ.ส่วนมาตรฐานทั่วไปการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่ท่านได้แจ้งว่า เรื่องดังกล่าวอยู่ที่วิปรัฐบาล ยังไม่มีกำหนดพิจารณาเรื่องนี้แต่อย่างใด ท่านบอกว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพวกเรา ที่ไม่ได้เป็นหนึ่งเดียว เวลาไปชี้แจงต่อกรรมาธิการหรือวิปรัฐบาลนั้น ยังมีความเห็นไม่ไปในทิศทางเดียวกัน มัวแต่ถกเถียงกันต่อหน้ากรรมาธิการหรือวิปรัฐบาล ทำให้ไม่เป็นเอกภาพจนมีการชลอเรื่องไว้ แต่ทั้งนี้ การที่รัฐบาลจะนำร่างพ.ร.บ.นี้ เข้าสู่สภาฯพร้อมกับ ร่างอีก ๓ ร่าง คือ ร่างประมวลกฎหมายท้องถิ่น ซึ่งเป็นปัญหามากในประเด็นเกี่ยวกับ กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน และประเด็นของท้องถิ่นแต่ละประเภทมีความเห็นไม่สอดคล้องกัน รวมทั้งร่างกฎหมายกระจายอำนาจ และร่างกฎหมายรายได้ของท้องถิ่น ทำให้ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ผอ.ศิริวัฒน์ฯได้แนะนำว่า พวกเราควรพยายามผลักดันให้ร่างฯนี้เข้าสู่สภาฯไปก่อน ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับประเด็น ก็ให้ว่ากันในชั้นกรรมาธิการ เพราะเมื่อร่าง พ.ร.บ. เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในชั้นรับหลักการไปแล้ว แม้รัฐบาลจะยุบสภาฯ (อาจเร็วกว่าที่เราคาดไว้ก็เป็นได้) ร่างฯนี้ก็ยังจะไม่ตกไป แต่หากยังไม่เข้าสู่สภาฯ เมื่อรัฐบาลยุบสภาฯร่างนี้ก็จะตกไปด้วย เมื่อมีรัฐบาลใหม่ เราก็ต้องมาเริ่มกระบวนการกันใหม่ เป็นครั้งที่ ๖ (หลังจากมีความพยายามแก้ไขร่างนี้มาแล้ว ๕ ครั้ง)
ต่อมาเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตราร่างพระราชกฤษฎีปิดประชุมสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติ ตั้งแต่วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เป็นต้นไป โดยที่ ยังไม่เห็นวี่แววว่า รัฐบาลจะหยิบยกร่างพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น ขึ้นมาพิจารณาแต่อย่างใด นอกจากตีปิ๊บจะผลักดันนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๕๐ ในบางประเด็นเข้าสู่สภาฯ เช่น ประเด็นการเลือกตั้ง ส.ส.จากเดิมเป็นแบบรวมเขตเรียงเบอร์ เป็นแบบเขตเดียวเบอร์เดียว โดยที่วันนี้ (๗ พ.ย.) ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวขณะไปแจกถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ภาคใต้ว่า จะผลักดันนำร่างดังกล่าวเสนอสภาฯในวันที่ ๑๖ พฤศจิกายนนี้ แม้ว่าจะมีกลุ่มองค์กรประชาชนบางส่วนยังคงคัดค้านอยู่ก็ตาม แต่สำหรับร่างของพวกเรา พวกเราไปยื่นหนังสือครั้งแล้วครั้งเล่าวิงวอนแทบจะกราบเท้า ร้องขอให้นำเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯโดยเร็ววัน และไม่ใครเลยคัดค้าน มีแต่วิงวอนร้องขอให้พิจารณาโดยเร็ว กลับไม่มี ส.ส.หรือรัฐมนตรีคนใด แม้แต่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พูดถึงหรือผลักดันเข้าสู่การพิจารณาแต่อย่างใด ซ้ำร้ายวันนี้อีกเช่นกัน ผมได้ฟังทั้งสองหู ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า เมื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จจะยุบสภาทันทีเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วจะแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งทันหรือ นายกฯรีบตอบสวนไปทันทีว่า รัฐธรรมนูญมีศักดิ์สูงกว่าพระราชบัญญัติ ดังนั้น เมื่อกฎหมายเลือกตั้งขัดกับรัฐธรรมนูญ ก็ต้องยึดถือรัฐธรรมนูญเป็นหลัก กฎหมายเลือกตั้งนั้นก็ไม่มีผลบังคับใช้ (เรียบเรียงถ้อยคำได้ประมาณนี้) ผมจึงรีบเมมโมรี่ไว้ในสมองทันทีว่า จะต้องหยิบวาทะถ้อยคำของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ในถ้อยวลีนี้มาเขียนในคืนนี้ เพื่อเสนอให้พวกเราได้รับทราบเพื่อตอกย้ำคำว่า "สองมาตรฐาน" ที่คนเคลื่อนทางการเมืองมักนิยมใช้กัน (บอกก่อนว่าผมไม่ใช่แนวร่วมของสีเสื้อใด แต่พร้อมประกาศตัวปกป้องในหลวงแม้ด้วยชีวิต) ที่ต้องขอหยิบคำว่า "สองมาตรฐาน" มาใช้ในวันนี้ก็อยากให้พวกเรามองเห็นว่า คำพูดของผู้นำรัฐบาลหรือนักการเมืองนั้น เชื่อถือได้ยากนัก เพราะหากเรานำถ้อยวลีของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ที่ผมยกมาเมื่อกี้ว่า "รัฐธรรมนูญมีศักดิ์สูงกว่าพระราชบัญญัติ เมื่อกฎหมายเลือกตั้งขัดรัฐธรรมนูญก็ใช้ไม่ได้ ต้องถือรัฐธรรมนูญเป็นหลัก" แล้วกรณีของพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ เล่า ที่บทบัญญัติหลายมาตราขัดกับรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน เช่น รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ คณะกรรมการกลางการบริหารงานบุคคลของท้องถิ่น ต้องมี ๔ ฝ่ายภายในหนึ่งปีหลังจากรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ แล้วนี่มันผ่านไป ๓ ปีกว่าแล้ว ทำไมรัฐบาลถึงไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญยังคงปล่อยปละละเลยให้มีการปฏิบัติที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมา ๒ ปีกว่าแล้ว ประเด็นที่ ๒ คือ รัฐธรรมนูญบัญญัติให้มีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ให้มีสำนักงาน ก.ถ. บัญญัติให้การแต่งตั้งและการให้ข้าราชการและลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพ้นจากตำแหน่ง ต้องเป็นไปตามความเหมาะสมและความจำเป็นของแต่ละท้องถิ่น ภายใน ๒ ปี นับแต่วันที่รัฐบาล(ชุดแรก)ได้แถลงนโยบาย นี่ก็ผ่านและเลยห้วงเวลานั้นมาเกือบปีแล้ว ยังไม่เห็นมีคนในรัฐบาลออกมารับผิดชอบหรือออกมาเร่งรัดดำเนินการในเรื่องนี้แต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ารัฐบาลกำลังละเว้นการปฏิบัติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ก็ไม่เห็นมีใครทักท้วงแต่อย่างใด หากนำบรรทัดฐานที่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากกฎหมายเลือกตั้งขัดต่อรัฐธรรมนูญก็ใช้ไม่ได้ต้องใช้ตามรัฐธรรมนูญนั้น ฉะนั้นหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการบริหารงานบุคคลท้องถิ่น ก็ควรยึดถือรัฐธรรมนูญเป็นหลัก ควรเร่งรีบดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญโดยเร็ว หรือต้องการให้คนท้องถิ่นรวมตัวปิดถนนหนทางให้ชาวบ้านชาวช่องเดือดร้อนกันไปทั่วก่อนหรือ รัฐบาลจึงจะหันมามอง หรือต้องการให้ชาวท้องถิ่น ไปยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความและให้คนท้องถิ่นร้องขอให้วุฒิสภาถอดถอนคณะรัฐมนตรีทั้งคณะออกจากตำแหน่ง ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญอย่างนั้นหรือ รัฐบาลจึงจะสนใจหรือใส่ใจ....
วันนี้ ชาวท้องถิ่นตื่นหรือยัง พวกเราให้เวลารัฐบาลนี้มานานพอสมควรแล้ว พวกเราพยายามหยิบยื่นดอกไม้ไร้หนามให้รัฐบาล เอาใจช่วยสารพัดทุกอย่าง เห็นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ที่ประสบปัญหาทางด้านการเมือง ปัญหาความมั่นคง ปัญหาน้ำท่วม ฯลฯ แต่วันนี้ รัฐบาลได้มองเห็นพวกเราหรือไม่ หรือยังมองว่าพวกเราคือ (ข้าทาส) ข้าราชการชั้นสองอยู่เหมือนเดิม ให้เศษเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เพียงพอ ดังจะเห็นว่า เวลารัฐบาลออกมติใด ๆ ออกมา หากเป็นผลประโยชน์สำหรับข้าราชการแล้ว มักจะไม่รวมข้าราชการส่วนท้องถิ่น กว่าที่พวกเราจะได้ต้องติดตาม ร้องขอ งอนง้อ ถึงจะได้มา ไม่ว่า เงิน ๒,๐๐ บาท (เช็คช่วยชาติ) ,เงิน ๒,๕๐๐ บาทของข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ใน ๓ จังหวัดชายแดนใต้ และล่าสุดก็คือ การปรับฐานเงินเดือนร้อยล ๕ ในเดือนเมษายน ปีหน้า ยังไม่ได้ครอบคลุมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแต่อย่างใด เราคงต้องผลักดันกันต่อใน ก.กลาง / ที่สำคัญ การเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาล ที่ข้าราชการพลเรือน ทหาร/ตำรวจ ใช้กันมาหลายปีแล้ว แต่ข้าราชการส่วนท้องถิ่นร้องขอแล้วขออีก วิงวอนแล้ววิงวอนอีก ก็ยังคงเป็นข้าราชการชั้นสองอยู่จนได้ เพราะรัฐบาลไม่แยแส ไม่เหลียวแลใด ๆ อย่างนี้ ถึงเวลาหรือยังที่พวกเรา ควรแสดงความรู้สึกที่อัดอั้นมานาน ให้มันระเบิดออกมาพร้อม ๆ กันทั่วประเทศ ไม่จำเป็นต้องไปที่ทำเนียบรัฐบาล ขอข้าราชการส่วนท้องถิ่น พนักงานจ้าง และลูกจ้างประจำ ทั่วประเทศ นัดลาหยุดพร้อมกันสัก ๒ วัน ไปปิดล้อมที่ศาลากลางจังหวัดของตนเอง เพื่อแสดงความรู้สึกต่อผู้นำรัฐบาลว่า ในประเทศนี้ยังมีข้าราชการส่วนท้องถิ่นอยู่ หากไม่เช่นนั้น ร่างพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น คงเป็นหมันอีกครั้ง....
สำหรับพวกเราอย่าลืมวันที่ ๗ - ๑๐ ธันวาคมนี้ ไปรวมพลังกันอีกครั้งในการประชุมสัมมนาทางวิชาการประจำปี ๒๕๕๓ เรื่อง อนาคตท้องถิ่น อนาคตประเทศไทย : ท้องถิ่นทั่วไทย รวมใจสามัคคี สังคมไทยสงบสุข สมัครถึงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายนนี้เท่านั้นนะครับ รายละเอียดคลิกที่นี่ สำหรับวันนี้ ลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ.
|
|
