ร่วมกันสร้างสรรค์พัฒนาท้องถิ่น เพื่อคนไทยทุกคน

ขอเชิญร่วมตอบคำถามครับ

ข้าราชการชั้นสอง

น่าเวทนาชะตาชีวิต...ข้าราชการชั้นสอง


สวัสดีครับ เพื่อน ๆ ข้าราชการส่วนท้องถิ่นทุกท่าน วันนี้ ผมตื่นมาตอนดึก ๆ ขณะเขียนคอลัมน์นี้ เวลาปาเข้าไปประมาณ ตีสามห้าสิบนาที เพราะมีเรื่องให้้ต้องคิดมากมาย หนึ่งในนั้น ก็คือเรื่องของเพื่อนร่วมอาชีพท่านหนึ่ง ที่ชื่อ "ป.ณัฐ" ผมไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวกับท่าน และต้องบอกว่า ไม่เคยเห็นหน้าของท่านเลย เคยมีโอกาสได้พูดคุยทางโทรศัพท์อยู่ครั้ง-สองครั้งเท่านั้น และตอบโต้กันทางเมล์ จึงเป็นห่วงสุขภาพของท่านมาก นึกถึงแล้วก็อดตื่นขึ้นมาอ่านเมล์ของท่านและจดหมายของท่านอีกไม่ได้ จึงต้องขอหยิบเรื่องนี้มาสาธยายให้พวกเราได้รับรู้ชะตาชีวิตที่วันนี้ ท่านที่นั่งสุขสบาย ขอเน้นย้ำว่า "ท่านที่นั่งอยู่สุขสบาย" อยู่ ณ วันนี้ วันหนึ่งข้างหน้าท่านอาจประสบชะตากรรมแบบเดียวกันกับท่านปลัดฯ ณัฐ นี้ก็อาจเป็นได้ หากท่านนิ่งเฉย นิ่งดูดาย ไม่สนใจที่จะร่วมกันต่อสู้ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิประโยชน์ อันเป็นสิ่งที่พวกเรา ในฐานะคนทำงานเพื่อสาธารณะชนควรได้รับ ให้เท่าเทียมกับข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ ฯลฯ
ผมอ่านจดหมายของท่านปลัดฯณัฐ แล้วรู้สึกสลดหดหู่ใจ หลังจากได้รับรู้เรื่องราวของ ป.หล้า แห่งเมืองพะเยา มาเจอเรื่องของ ป.ณัฐ แห่งเมืองดอกคูนเสียงแคน "ขอนแก่น" ก็สลดใจไม้แพ้กัน ยิ่งได้อ่านจดหมายวิงวอนไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่รับผิดชอบด้านการส่งเสริมสนับสนุนความเข้มแข็งขององค์กรปกรองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล ก็ต้องสลดและน่าเวทนาเหลือเกินกับชะตากรรมของข้าราชการส่วนท้องถิ่น ที่หลายคนยังย้ำอยู่ในใจว่า "ข้าราชการชั้นสอง"
เรื่องของ ป.ณัฐ เป็นเรื่องที่ผู้บริหารและสมาชิกสภาฯ ไม่ได้มีความรังเกียจหรือกดดันให้ ป.ณัฐ ย้ายแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณที่อบต.นั้นมีเพียงน้อยนิด ไม่เพียงพอต่อการบริหารและการพัฒนา แต่หากต้องรับภาระหนักในเรื่องของการจ่ายค่ารักษาพยาบาลปีหนึ่ง ๆ เกือบ ๒ ล้านบาท ปัจจุบัน ป.ณัฐ ต้องเข้ารับการรักษาทุกเดือน ๆ หนึ่งต้องใช้เงินตนเองสำรองจ่ายไปประมาณ ๑ แสนสองหมื่นบาท ป.ณัฐ ต้องไป***้ยืมมาสำรองค่ารักษาพยาบาลหลายแสนบาท กว่าที่ อบต.จะเบิกจ่ายให้ ประกอบกับปัญหาครอบครัว ที่สามีทิ้งไปมีครอบครัวใหม่ ต้องดูแลลูกเอง ญาติพี่น้องก็ไม่สามารถช่วยเหลือดูแลได้ เพราะอยู่ำไกลกัน มีเพียงผู้บริหารและสมาชิกสภาอบต.บางท่านที่คอยเทียวไปเทียวมาดูแลความเป็นอยู่และหามส่งโรงพยาบาลเมื่อป่วยหรือช็อคหมดสติ ป.ณัฐเหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ แต่ด้วยกำลังใจจากลูก มีภาระต้องดูแลลูก ป.ณัฐจึงต้องต่อสู้เพื่อความเป็นอยู่ของลูกในอนาคต
ปัจจุบัน ป.ณัฐ ได้ถวายฎีกาเพื่อขอความช่วยเหลือจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และได้รับการติดต่อให้ส่งรายละเอียดเพิ่มเติม โดยให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นรายงานเรื่องต่อสำนักราชเลขาธิการ ซึ่งยังไม่ได้รับการประสานว่าจะให้ความช่วยเหลืออย่างไร จึงอยากให้พวกเราได้ลองอ่านจดหมายของป.ณัฐ สักท่อนหนึ่ง ซึ่งผมขอสงวนชื่ออบต.และอำเภอไว้แล้วกันครับ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ดังนี้

ด้วยข้าพเจ้า นางณัฐพร ......ตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล.... ระดับ ๗ อำเภอ..............จังหวัดขอนแก่น ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งเนื้อเยื่อในระบบทางเดินอาหาร (GIST) ระยะแพร่กระจายไปยังตับ ระยะที่ ๔ โดยได้เข้ารับการักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งจะต้องไปรับยาต้านโรคมะเร็งจากโรงพยาบาลทุกเดือน ในแต่ละเดือนต้องจ่ายค่ายา เป็นเงิน ๑๒๑,๔๙๐.บาท (หนึ่งแสนสองหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยเก้าสิบบาทถ้วน) และทุกๆ ๓ เดือน จะต้องทำซีทีแสกน ซึ่งจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลรวมค่ายาในเดือนนั้น เป็นเงิน ๑๔๐,๐๐๐.- บาท (หนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถ้วน) ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดตั้งแต่ที่ตรวจพบโรคมะเร็งและเข้ารับการรักษามาเป็นระยะเกือบ ๒ ปี รวมเป็นค่าใช้จ่ายที่เบิกจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น ๑,๑๕๑,๙๒๖.-(หนึ่งล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นหนึ่งพันเก้าร้อยยี่สิบหกบาท) ตามสำเนาใบเสร็จรับเงินที่ส่งมาพร้อมนี้
เนื่องจากไม่มีกฎหมายที่ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเบิกจ่ายตรงได้เหมือนข้าราชการส่วนอื่น ในการเข้ารับการรักษาพยาบาลข้าพเจ้าต้องสำรองเงินไปก่อน แล้วจึงนำใบเสร็จไปขอเบิกที่ต้นสังกัดทุกเดือน ซึ่งในบางเดือนก็ไม่ได้ไปรับยาเนื่องจากไม่มีเงินพอเพื่อจ่ายค่ายา ทำให้อาการของโรคลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ ข้าพเจ้าไม่ได้มีรายได้อะไรนอกจากการรับราชการเพียงอย่างเดียว มีรายได้ต่อเดือนเป็นเงิน ๒๕,๐๔๐.- บาท (สองหมื่นห้าพันสี่สิบบาทถ้วน) ข้าพเจ้าต้องดูแลตัวเองและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ต่อเดือนอยู่อย่างประหยัด เพียงแค่โรคที่เป็นอยู่ก็หนักหนาสาหัสสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งหลายคนคงไม่ปรารถนาจะพบเจอชะตากรรมเช่นเดียวกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเดือดร้อนมากจริง ๆ ข้าพเจ้าต้องดูแลลูก ๑ คนซึ่งยังเล็กเพียงลำพัง เนื่องจากอดีตสามีของข้าพเจ้าไปมีครอบครัวใหม่เป็นเวลาหลายปีแล้ว ข้าพเจ้าไม่มีญาติพี่น้องที่พอจะช่วยเหลือข้าพเจ้าได้เลย เพราะแต่ละคนต่างก็มีครอบครัวไปหมดแล้ว อีกทั้งอยู่ห่างไกลกัน ข้าพเจ้าจำเป็นที่จะต้องไป***้ยืมเงินมาเพื่อเป็นเงินหมุนเวียนเพื่อสำรองเป็นค่ารักษาพยาบาลจนกว่าข้าพเจ้าจะเบิกคืนจากต้นสังกัดได้ และขณะนี้เป็นช่วงต้นปีงบประมาณ รายได้ขององค์การบริหารส่วนตำบลสำโรงไม่เพียงพอข้าพเจ้าต้องรอเป็นเวลา ๔ เดือน (ตามสำเนาใบเสร็จที่ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๒๑๖,๓๓๒.-บาท (สองแสนหนึ่งหมื่นหกพันสามร้อยสามสิบสองบาท) ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวอาจดูเหมือนว่าเป็นเงินเล็กน้อยสำหรับใครบางคน แต่ข้าพเจ้าแล้วมันเป็นจำนวนมากมาย เพราะต้องจ่ายทุกเดือน และต้องหาเงินมาสำรองทุกเดือนเช่นกัน จากคนที่ไม่เคยมีหนี้สิน ก็ต้องมีหนี้สินโดยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย และขณะนี้ข้าพเจ้าได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดใหญ่นำก้อนเนื้อร้ายออกจากร่างกาย ตั้งแต่วันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ โดยหมอได้ทำการผ่าตัดลำไส้ออกจำนวน ๓๐ เซนติเมตร ก้อนเนื้อร้าย ตับอ่อน ตับปกติบางส่วน และ กระเพาะส่วนปลาย (ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ๔) ข้าพเจ้าต้องพักฟื้นเป็นระยะเวลา ๒ เดือน ไม่ได้ไปทำงาน ตลอดเวลาที่เข้ารับการรักษาต้องเดินทางไป-มา โรงพยาบาลตลอด และมีค่าใช้จ่ายซึ่งไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ข้าพเจ้าได้จ้างคนมาช่วยเหลือดูแลข้าพเจ้าในขณะที่ข้าพเจ้าไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็มากขึ้น ข้าพเจ้าจำเป็นต้องดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดเพื่อลูกที่อยู่ในวัยเรียน ลูกของข้าพเจ้าคงได้มีโอกาสเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ข้าพเจ้ามีความหวังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อเป็นกำลังใจให้กับลูก เพื่อมีเวลา และสุขภาพที่แข็งแรงเพียงพอที่จะอบรมลูกให้เป็นคนดีในสังคมต่อไป และ ก็ยังคงไปหาหมอเพื่อรับยาหลังจากที่ได้รับการผ่าตัด ซึ่งหมอต้องให้ยาต่อเนื่องไปอีก ประมาณ 1 – 2 ปี เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำอีก เป็นยาตัวเดิม
ข้าพเจ้าทราบดีว่าฐานะการคลัง และงบประมาณขององค์การบริหารส่วนตำบล............. อำเภอ.................จังหวัดขอนแก่น มีไม่มากนัก หากข้าพเจ้าต้องเบิกค่ารักษาพยาบาลไปตลอดคงจะทำให้องค์การบริหารส่วนตำบลไม่มีงบพัฒนา และไม่เพียงพอแม้แต่การจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานส่วนตำบลอย่างแน่นอน ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงขอความเมตตาช่วยเหลือเบิกค่ารักษาพยาบาลให้แก่ข้าพเจ้า และได้โปรดส่งเรื่องของข้าพเจ้าไปยังหน่วยงานที่มีอำนาจ หรือ หน่วยงานอื่นที่สามารถช่วยเหลือข้าพเจ้าได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ทำให้องค์การบริหารส่วนตำบล..........ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายสูง ๆ และหากข้าพเจ้าต้องการย้ายไปสังกัดที่องค์การบริหารส่วนตำบลอื่น หรือ ส่วนราชการอื่นที่ใกล้บ้านเกิด ข้าพเจ้าก็จะสามารถย้ายได้โดยไม่ต้องติดภาระค่าใช้จ่ายสูงในการรักษาพยาบาลเช่นนี้ ซึ่งตราบใดที่ยังไม่มีกฎหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถเบิกจ่ายตรงได้ ข้าพเจ้าก็ต้องได้รับความเดือดร้อนอยู่เช่นนี้ จึงขอได้โปรดช่วยเหลือข้าพเจ้าด้วย และขอขอบคุณอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้
และอีกหนึ่งฉบับที่ อบต.ได้ร้องขอไปยังอำเภอเพื่อให้ช่วยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ตามที่องค์การบริหารส่วนตำบล.......... อำเภอ................ จังหวัดขอนแก่นได้รับหนังสือร้องขอความเมตตาช่วยเหลือการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลจากนางณัฐพร ..........ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล............ ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งเนื้อเยื่อในระบบทางเดินอาหาร (GIST) ระยะแพร่กระจายไปยังตับ ระยะที่ ๔ จริง ดังรายละเอียดที่แนบมาพร้อมนี้นั้น

องค์การบริหารส่วนตำบล............. อำเภอ..............จังหวัดขอนแก่น เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีงบประมาณบริหารกิจการในจำนวนจำกัดรายได้ที่จัดเก็บเองและ ตามที่รัฐบาลจัดสรรให้มีเพียงแค่๑๕ล้านกว่าบาท และต้องมารับภาระในเรื่องของค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลปีละ ๒,๐๐๐,๐๐๐.- บาท (สองล้านบาทถ้วน) เฉพาะกรณีพนักงานส่วนตำบลรายนี้รายเดียว ก็เหมือนไม่ยุติธรรมสำหรับประชาชนที่อยู่ในเขตความรับผิดชอบ ทำให้การพัฒนาดูเหมือนก้าวกระโดด แต่ต้องมาชงัก เพราะต้องเบิกให้พนักงานส่วนตำบลตามสิทธิ ซึ่งรัฐบาลโอนเงินมาให้พัฒนา แต่ต้องมารับภาระหนักขนาดนี้ แม้แต่สมาชิกบางรายยังไม่เห็นด้วยกับการต้องมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พนักงานรายนี้เป็นปี ๆ ส่วนใหญ่องค์การบริหารส่วนตำบลจำเป็นต้องอนุมัติการจ่ายขาดเงินสะสมเพื่อจ่ายเป็นค่ารักษาพยายบาล อีกทั้งสถานะการณ์คลังไม่ดีนัก หากต้องเบิกไปตลอดคงจะทำให้องค์การบริหารส่วนตำบลไม่มีงบพัฒนา ไม่เพียงพอ ต่อการบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนได้อย่างเต็มที

ดังนั้นองค์การบริหารส่วนตำบล.............. อำเภอ................จังหวัดขอนแก่น มีความสามารถเบิกจ่ายให้พนักงานส่วนตำบลในจำนวนจำกัดถึงแม้ว่าพนักงานรายนี้จะมีสิทธิการเบิกค่าใช้จ่ายก็ตามที แต่ภาระหนักขนาดนี้องค์การบริหารส่วนตำบลก็ไม่สามารถดูแลได้ไปตลอด อีกทั้งหากพนักงานส่วนตำบลรายนี้ย้ายไปอยู่ที่อื่น ก็จะเป็นภาระให้กับส่วนราชการอื่นเช่นกัน จึงจำเป็นต้องร้องขอให้ท่านได้โปรดพิจารณาให้ความช่วยเหลือเป็นการด่วน ซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบล.............ก็ได้ส่งเรื่องไปยังผู้ที่มีอำนาจพิจารณาหรือ หน่วยงานอื่นเพื่อช่วยเหลือพนักงานส่วนตำบลรายนี้อย่างเต็มที่หลายครั้งเรื่องก็เงียบหาย หากพนักงานรายนี้มีความประสงค์ ย้ายไปสังกัดที่องค์การบริหารส่วนตำบลอื่น หรือ ส่วนราชการอื่นที่ใกล้บ้านเกิด ก็จะสามารถย้ายได้โดยไม่ต้องติดภาระค่าใช้จ่ายสูงในการรักษาพยาบาลเช่นนี้ ซึ่งตราบใดที่ยังไม่มีกฎหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถเบิกจ่ายตรงได้ องค์การบริหารส่วนตำบล..............จึงขอเรียนชี้แจงดังรายละเอียดที่กล่าวมาแล้ว
เป็นอย่างไรบ้างครับ สะอึกไหมครับ ผมเชื่อว่า อบต.แห่งนี้ ไม่ได้ใจดำอะไรหรอกครับ แต่เราต้องเข้าใจถึง หัวอกของผู้บริหาร เช่นเดียวกัน ว่า ท่านเข้ามา ก็เพื่อต้องการมาพัฒนาตำบล ให้เป็นไปตามที่ท่านได้หาเสียงไว้กับพี่น้องประชาชน แต่เมื่อเข้ามาแล้ว งบประมาณส่วนใหญ่กลับต้องนำไปใช้จ่ายด้านบุคลากร ด้านรายจ่ายประจำ เหลืองบพัฒนาเพียงเล็กน้อย หลายแห่งอาจมองว่า เงินเพียง สองล้านบาทนั้น น้อยนิดเหลือเกิน นั้น อาจเป็นเพราะท่านมีงบประมาณเหลือเฟือ เป็นสิบ ๆ ล้าน หรือเป็นร้อยล้าน แต่สำหรับอบต.เล็ก ๆ แม้ว่า เงินที่อบต.แห่งนี้แจ้งว่า มีงบปีหนึ่งประมาณ ๑๕ ล้านบาทนั้น ผมเชื่อว่า คงพอ ๆ กับอบต.ส่วนใหญ่ในประเทศนี้ เพราะเงิน ๑๕ ล้านเมื่อแจกแจงออกมาแล้ว ก็จะเป็นค่า เบี้ยยังชีพประมาณ ๓ - ๕ ล้านบาท ค่านมและอาหารกลางวันสำหรับเด็กนักเรียนประมาณ ๒ - ๔ ล้านบาท เป็นค่าเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทน ข้าราชการ ลูกจ้าง และฝ่ายการเมืองประมาณ ๓ - ๔ ล้านบาท รวมค่าใช้จ่ายประจำอื่น ๆ อีกราว ๆ ๒ - ๕ ล้านบาท หมดแล้วครับ ไม่มีเหลือ อาจเหลือเพียงสัก หนึ่ง - สองล้านบาทเท่านั้น สำหรับการพัฒนา หาก อบต.ใดมีค่ารักษาพยาบาลประมาณของ ป.ณัฐ หรือ ป.หล้า นี้ ก็เชื่อว่า หมดครับ ไม่มีเงินสำหรับการพัฒนาแน่นอน ดังนั้น พวกเราข้าราชการส่วนท้องถิ่น ต้องเข้าใจหัวอกของผู้บริหารท้องถิ่นด้วยเช่นกัน
แล้วถามว่า พวกเราจะทำอย่างไร ผมรู้สึกว่า หนึ่ง ข้าราชการในกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ไม่มีจิตสาธารณะเท่าที่ควร ไม่มีจิตอาสาที่จะเข้ามาช่วยเหลือปัดเป่าความทุกข์ร้อนของข้าราชการส่วนท้องถิ่น ดังที่เคยวิจารณ์แล้วว่า ข้าราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นข้าราชการพลเรือน พวกเขาไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับเรื่องเหล่านี้ เพราะพวกเขามิใช่ "พวกเรา" ดังนั้น การเจ็บป่วยหรือตาย จึงเป็นเรื่องของข้าราชการส่วนท้องถิ่น มิใช่เป็นเรื่องของข้าราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (ยอมรับว่าผมเดาใจพวกเขา และน่าจะถูกด้วย) เนื่องจากการตอบคำถามก็ดี การลงมาแก้ไขปัญหาเรื่องเหล่านี้หลาย ๆ ครั้ง พวกเขาจะแก้ไขแบบ "ขายผ้าเอาหน้ารอด" คือ แก้ไขให้พ้นไปวัน ๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้แก้ไขที่ต้นเหตุ การที่เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมฯ (สำหรับคนที่รับผิดชอบเท่านั้น ไม่ใช่ทุกคน) ชี้แจงว่า ข้าราชการส่วนท้องถิ่น มีสิทธิตามกฎหมายสามารถเบิกได้ เมื่ออบต.ไม่มีเงินเพียงพอ ให้โอนเงินที่ไม่จำเป็นต้องใช้นำมาใช้ก่อน (ขอโทษครับ เงินที่กำหนดไว้ในข้อบัญญัติงบประมาณนั้น จำเป็นต้องใช้หมดครับ หากไม่จำเป็นก็คงไม่กำหนดไว้ในข้อบัญญัติหรอกครับ) หรือให้จ่ายขาดเงินสะสม ก็ต้องขอโทษอีกครั้งครับ เมืื่อจ่ายแล้ว เงินหมด จะทำอย่างไรครับ กรมฯก็ไม่เคยให้คำตอบเรื่องนี้ ถามว่า มันเป็นธรรมหรือไม่กับ อปท. ที่ต้องรับภาระเรื่องนี้เพียงลำพัง ดังที่ นายกอบต.แห่งนี้ ได้บรรยายไว้ในจดหมายที่ส่งถึงนายอำเภอ
ถึงเวลาหรือยังครับ ที่ข้าราชการส่วนท้องถิ่นจะตื่นจากการหลับไหล หลงกับคารมคมคายของ ข้าราชการในกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่มาบรรรยายให้พวกเราฟังแล้วฟังอีกว่า พวกเรามีสิทธิอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ลืมไปว่า สิทธินั้นมี แต่หากไม่มีเงิน จะทำอย่างไร ทุกวันนี้ ผู้บริหารท้องถิ่น ไม่ใช่ไม่ต้องการให้ข้าราชการส่วนท้องถิ่นเบิกค่ารักษาพยาบาล ดังที่นายกอบต.ของป.หล้า ได้พูดคุยกับผมว่า ไม่มีใครไม่กลัวตายหรอก รู้ว่ามีความจำเป็นต้องรักษา ทุกคนป่วยก็ต้องรักษา แล้วหากเงินหมดล่ะจะทำอย่างไร จะตอบชาวบ้านชาวช่องอย่างไร ข้าราชการส่วนท้องถิ่น ข้าราชการชั้นสองทุกท่าน ท่านตื่นหรือยังครับ หากท่านตื่นแล้ว มาร่วมกับผมและสมาคมข้าราชการและพนักงานจ้างท้องถิ่น ซิครับ มาร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น และร่วมกับผลักดันให้เกิดกองทุนสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลข้าราชการส่วนท้องถิ่น ให้เป็นผลโดยเร็ว หรือท่านจะงอมืองอเท้า รอรับส่วนบุญเหมือน "เปร...." ของคนอื่นเขา เช่นนั้นหรือ...........

โดยคุณ .. (101.108.195.9) [1 Nov 2011 09:36]




อบต.ปากช่อง ขอสนับสนุน และเป็นกำลังใจในการเรียกร้องในสิ่งที่เป็นประโยชน์และถูกต้องครั้งนี้ด้วยครับ

โดยคุณ คนปากช่อง (101.108.203.33) [8 Nov 2011 09:48] #53483 (1/2)

อยากได้เบอร์โทรศัพท์ ป.ณัฐพร ค่ะ

โดยคุณ 368 (118.175.144.91) [10 Nov 2011 15:16] #53537 (2/2)

ขอเชิญร่วมตอบคำถามครับ
ความคิดเห็น
โดย
Email (สมาชิกไม่ต้องใส่)
รหัสลับ   (นำไปป้อนช่อง ป้อนรหัส ด้านล่าง)
ป้อนรหัส


คลิกที่รูป เพื่อแทรกรูปลงในข้อความ
Password
(สำหรับสมาชิก)
เลือกรูป

[ สมัครสมาชิก | ปิดหน้าต่างนี้ ]
CopyLEFT and Powered By : Sansak