โคตรโกง! สอบเข้า อบจ.จับอดีต ตร.หัวขบวน
พบ 22 รายใช้อุปกรณ์ไฮเทค สารภาพรับจ้างมาหัวละ 1แสน
โคตรโกงมโหฬาร คณะกรรมการสอบข้าราชการ อบจ.กระบี่ ร่วมกับตำรวจ จับหนุ่มเชียงรายรับจ้างสอบบรรจุ อบจ. นำตัวเค้นสอบรับสารภาพได้ค่าจ้างเพียง 5,000 บาท ก่อน จนท. ขยายผลลุยค้นโรงแรมทั่วเมือง รวบขบวนการโกงสอบยกกะบิ พบหน.แก๊ง เป็นอดีตโปสิศเก่า พร้อมอุปกรณ์ไฮเทคครบครัน
เหตุการณ์โกงสอบข้าราชการ อบจ. เปิดเผย เมื่อเวลา 12 .00 น. วันที่ 29 ต.ค. พ.ต.ท.ยศพล บุญล้น รอง ผกก.ป. สภ.อ.เมืองกระบี่ รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่คุมสอบคัดเลือกข้าราชการ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)กระบี่ ว่ามีการทุจริตการสอบที่ห้องสมัครสอบ 101 โรงเรียนพาณิชยการนครกระบี่ พร้อมด้วยกำลังไปตรวจสอบ พบว่าทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการควบคุมตัว นายสมพงศ์ กองมงคล อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 224 หมู่ที่ 3 ต.ลอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย ที่เข้ามาสอบคัดเลือกเป็นข้าราชการ ระดับ 1 อบจ.กระบี่ โดยชื่อของนายธีรพงศ์ หลีหวัง อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95 หมู่ที่ 3 ต.ละงู จ.สตูล จากการตรวจของเจ้าหน้าที่พบหลักฐานใบหน้าของผู้สมัครสอบ กับบัตรประจำตัวประชาชน รูปในใบสมัครสอบไม่ตรงกัน จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.อ.เมืองกระบี
จากการสอบสวนนายสมพงศ์ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนได้รับค่าจ้างจากนายธีรพงศ์ เป็นเงินจำนวน 5,000 บาท เพื่อให้มาทำการสอบแทนในครั้งนี้ โดยได้มีการวางแผนปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชน โดยนำรูปใบหน้าของตนไปติดในบัตรประจำตัวประชาชนของนายธีรพงศ์ และถ้าสอบได้จะมีการจ่ายเพิ่มอีก 1 แสนบาท ขณะที่เข้าสอบไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่จะจับผิดได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ให้ตนทำการสอบจนกระทั่งพักเที่ยง ก่อนถูกจับกุมดังกล่าว
ด้าน พ.ต.ท. ยศพล กล่าวว่า อบจ.กระบี่ได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฏร์ธานี เป็นผู้ดำเนินการคุมสอบข้าราชการของ อบจ.กระบี่ ทั้งหมด โดยการสอบได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. ช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะเจ้าหน้าที่ควบคุมการสอบได้ทำการตรวจสอบหลักฐานการสมัครสอบของผู้สมัครสอบทุกคน ก็พบว่าใบหน้าในบัตรประชาชนของนายธีรพงศ์ หลีหวัง ไม่ตรงกับใบสมัครตัวจริงที่นายธีรพงศ์ ได้มาสมัครสอบก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมสอบจึงทำการควบคุมตัวส่งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนดำเนินคดี ในข้อหาปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ และทุจริตการสอบกับนายสมพงศ์
ทาง รศ.ดร.ชูศักดิ์ เอกเพชร คณะบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฏร์ธานี กล่าวว่า กรณีดังกล่าวผู้เข้าสอบสามารถติดต่อผู้ที่อยู่ภายนอกห้องสอบ หรือขบวนการได้โดยใช้โทรศัพท์มือถือ ซึ่งกรณีที่จับได้เป็นความผิดส่วนบุคคลไม่ได้เกิดความผิดพลาดจากการจัดการด้านสอบของมหาวิทยาลัยฯ จึงจะไม่มีการสอบใหม่อีกครั้ง และหลังจากที่ได้รับรายงานการทุจริตได้สั่งให้ทางเจ้าหน้าที่คุมสอบให้ตรวจสอบบัตรประชาชนผู้เข้าสอบอย่างเคร่งครัด และกรณีดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นที่จังหวัดกระบี่เพียงแห่งเดียว ก่อนหน้านี้ก็ได้เกิดขึ้นมาแล้วที่จังหวัดระนอง และสุราษฎร์ธานี แต่ก็สามารถจับตัวผู้กระทำผิดได้
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ชุดสายสืบทำการขยายผลเข้าตรวจค้น โรงแรมลิฟอินน์ ต.ปากน้ำ เขตเทศบาลเมืองกระบี่ หลังจากสืบทราบว่า มีขบวนการดังกล่าวเปิดห้องพักในโรงแรม พบเพียงร่องรอยการปลอมแปลงบัตรประชาชน และพบว่าบัตรประชาชนที่ปลอมแปลงมาจาก จ.ลำปาง ก่อนไปทำการตรวจค้นโรงแรมไพรเวซี่ ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมแรกประมาณ 100 เมตร สามารถจับกุมตัวผู้เข้าสอบได้อีก 10 คน เข้าพัก โดยได้แยกกันสอบตามหน่วยสอบต่าง ๆ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่คุมสอบทำการตรวจสอบบัตรประชาชนอย่างเคร่งครัด และเข้าตรวจค้นที่บังกะโล ช้างสีรีสอร์ท ต.ไสไทย จับกุมตัวนายธรรมรงค์ นิลภูศรี อายุ 41ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 2 ต.ควนกาหลง อ.ควนกาหลง จ.สตูล พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ 40 เครื่อง ปืน 11 มม. 1 กระบอก กระสุนปืน 5 นัด บัญชีรายชื่อผู้เข้าสมัครสอบ และเอกสารอื่นๆอีกจำนวนมาก
เบื้องต้นทางเจ้าที่ตำรวจ ควบคุมไว้ได้ 22 คน เป็นชาย 16 คน หญิง 6 คน จากการตรวจสอบประวัตินายธรรมรงค์ พบว่าอดีตเคยเป็นตำรวจและมีการเปลียนชื่อมาหลายครั้งแล้ว มีพฤติกรรมวิ่งเต้นสอบเข้ารับราชการ และเป็นหัวหน้าแก๊งในการติดต่อประสานงานทั้งหมด โดยจะมีการซุกซอนอุปกรณ์ดักฟังไว้ในกางใน เมื่อเริ่มทำการสอบก็จะมีการส่งสัญญาณลักษณะสั่น ตามตกลงกันไว้
ทางตำรวจแจ้งความดำเนินคดีกับนายธรรมรงค์ ในข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และปลอมแปลงเอกสาร ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 22 คน ได้ทำประวัติไว้ เผื่อมีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ก่อนปล่อยตัวไป ในเรื่องการสอบถือว่ามีความผิดเรื่องทุจริตการสอบทางคณะกรรมการได้ปรับให้ตกไป และทางตำรวจจะได้มีการขยายผลจับกุมต่อไป ซึ่งการสอบเข้ารับราชการ อบจ.กระบี่ ในครั้งนี้กำหนดจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน คือ ระหว่างวันที่ 29 - 30 ต.ค. 48 โดย อบจ.กระบี่ ได้เปิดรับสมัครข้าราชการเพิ่มอีก 17 ตำแหน่ง จำนวน 35 อัตรา เพื่อรองรับการถ่ายโอนอำนาจลงสู่ท้องถิ่น โดยมีผู้สนใจเข้าสอบแข่งขันทั้งประมาณ 19,000 คน
|
|